ตร.สหรัฐรวบหญิง ปลอม เป็น FBI หวัง กินข้าวฟรี

ตร.สหรัฐรวบหญิง ปลอม เป็น FBI หวัง กินข้าวฟรี

ตำรวจเข้าจับกุมหญิงชาวมะกัน หลังจากที่เธอ แอบอ้าง ว่าเป็น FBI โดยจุดประสงค์ของการแอบอ้างครั้งนี้ก็เพื่อหวัง กินข้าวฟรี เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน สำนักข่าว ABC รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จับกุมนาง คิมเบอรี่ แร็กเดลล์ หญิงเท็กซัสวัย 47 ปีข้อหาแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง หรือ FBI ซึ่งสื่อต่างประเทศเปิดเผยว่าผู้ก่อเหตุอ้างตัวเป็น FBI เพื่อหวังซื้ออาหารฟาส์ตฟู๊ดฟรี

โดยพนักงานเปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุปรากฏตัวมาที่ร้านอาหารหลายครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมข่มขู่ว่าจะจับกุมพนักงาน หากไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเธอ

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า แร็กเดลล์ ยังคงอ้างตัวเป็น FBI ในระหว่างที่เธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว โดยเธอได้ทำเป็นพูดคุยกับวิทยุสื่อสารในเสื้อของเธอ เพื่อแจ้งว่าเธอกำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม

ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังได้กล่าวอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตัวจริงจะไม่มีการข่มขู่หรือร้องขอ ร้านค้าต่างๆเพื่อรับสินค้าหรือบริการฟรี นางแร็กเดลล์ เข้าเรือนจำเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก่อนได้รับประกันตัวด้วยวงเงินประกันเกือบ 1 แสนบาท

กระทรวงสาธารณสุข อิสราเอล ใช้ หุ่นยนต์ช่วยตรวจโควิด-19 เข้ามาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ทำให้ลดระยะเวลาตรวจลงมากกว่าครึ่ง กระทรวงสาธารณสุข อิสราเอล ผุดไอเดียสุดเจ๋งด้วยการใช้ หุ่นยนต์ช่วยตรวจโควิด-19 เข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ในขั้นตอนทดสอบปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส (PCR) ทำให้ลดระยะเวลาการตรวจหาเชื้อได้มากทีเดียว โดยปกติแล้ว การทดสอบปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการถ่ายไปยังหลอดทดลอง แต่หุ่นยนต์ตัวดังกล่าวสามารถทำให้ขั้นตอนนี้เหลือเพียง 5 นาทีเท่านั้น

ในขณะที่กระบวนการถัดไป เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาถึง 6.5 ชั่วโมงในการตรวจสอบ แต่หุ่นยนต์ตัวนี้ก็จะช่วยให้มันเหลือไม่ถึง 4 ชั่วโมง มากไปกว่านั้น มันจะใช้เวลาเพียง 10 วินาที ในการประมวลผลข้อมูลทั้งหมด

ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุข อิสราเอล ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การตรวจหาโควิด-19 โดยใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยนี้ จะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลและห้องทดลองทั่วประเทศภายในอนาคตอันใกล้

นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุ๊ก เพื่อแสดงความยินดีกับนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ชนะเลือกการเลือกตั้งชิงเก้าในทำเนียบขาว เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอดีตนายกระบุว่า “เรียน ท่านโจเซฟ ไบเดน พวกเราขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อชัยชนะของท่านและรองประธานาธิบดี คามาลา แฮริส ในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์นี้

พวกเราในประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นทั้งหุ้นส่วนและพันธมิตรที่สำคัญของเรา พวกเราก็เหมือนประชาชนชาวเอเชียอื่นๆทั้งหลายที่มุ่งหวังด้วยความหวังอันสำคัญที่จะได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลของท่านในการก้าวข้ามอุปสรรคที่พวกเราประสบอยู่ในปัจจุบัน พวกเรามั่นใจว่าภายใต้การเป็นผู้นำของท่าน พวกเราจะสามารถนำภูมิภาคทั้งสองไปสู่ความสัมพันธ์ที่มีพลังและเข้มแข็งยิ่งๆขึ้นต่อไป”

ขณะเดียวกัน ด้าน นาง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร และ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของไทยก็ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับนาย โจ ไบเดน ผ่านทางเฟสบุ๊กเช่นเดียวกัน โดย นางยิ่งลักษณ์ระบุว่า

“ดิฉันขอแสดงความยินดีและความปรารถนาดีอย่างจริงใจเป็นการส่วนตัวในฐานะผู้หญิงด้วยกันไปยังรองประธานาธิบดี กมลา แฮริส (Kamala Harris) ที่ท่านได้สร้างประวัติศาสตร์ในการฝ่ากำแพงอุปสรรคต่างๆจนได้มาเป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าท่านจะเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับอนุชนรุ่นหลังๆต่อไปในอนาคต”

ทรัมป์ เชือด รมต. กลาโหม หลังแพ้เลือกตั้ง

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอีกครั้งหลังจากที่ ทรัมป์ ได้ประกาศไล่ รมต. กลาโหม ออกจากตำแหน่ง ซึ่งทั้งสองเคยมีปัญหาความขัดแย้งจากการจลาจล ปมความเท่าเทียมทางสีผิว เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน สำนักข่าว ABC รายงานว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ ประกาศผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาว่า เขาได้ทำการไล่ นาย มาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่ง พร้อมแต่งตั้งนาย คริสโตเฟอร์ ซี มิลเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ ขึ้นมาทำหน้าที่แทนในกระทรวง กลาโหม แทน

ทรัมป์แสดงความมั่นใจอีกว่า นายมิลเลอร์จะทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมขอบคุณนาย เอสเปอร์ สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา โดยคำสั่งนี้เกิดขึ้นสองวัน หลังจากที่สื่อหลายสำนักต่างเก็งว่า นาย โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งชิงประธานาธิบดีในปีนี้

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจาก นาย ทรัมป์ และ นาย เอสเปอร์ มีความเห็นไม่ลงรอย จากที่นาย เอสเปอร์ ไม่ยอมใช้ทหารเข้าปราบปรามการจลาจล ที่เกิดขึ้นจากการเสียชิวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เข่ากดทับคอจนเสียชีวิต เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา

ด้าน นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวโจมตีนายทรัมป์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า คำสั่งนี้สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ เนื่องจากประเทศต้องการความมั่นคงในช่วงส่งต่อตำแหน่งประธานาธิบดี พร้อมกล่าวอีกว่า นี่เป็นอีกครั้งที่นายทรัมป์แสดงให้เห็นว่าความบุ่มบ่ามของเขา ทำให้ประเทศตกอยู่ในอันตราย

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า